[GBC]บทสรุป Dragon Quest I


สวัสดีเพื่อนๆครับ ^^
เมื่อหลายปีก่อนหน้า เคยเข็นบทความฉลอง 20 ปี กับไฟนอลแฟนตาซีในความทรงจำ มาให้เพื่อนๆอ่านกันไปหนนึง ปัจจุบันยังค้างคาอยู่ที่ภาค 8 ซึ่งก็มีแผนจะเขียนภาคต่อให้สมบูรณ์ในเร็ววัน...ตามแต่เวลาจะอำนวยครับ
แต่ก่อนหน้านั้น ก็มีบทความอันใหม่ มา Hype เพื่อนๆเพิ่มเติม...เพื่อเป็นการฉลองโคตรเกมส์ในตำนานอีกอัน...RPG ชื่อคุ้นหูนาม " Dragon Quest " ที่หลังจากผ่านร้อน ผ่านหนาว (และผ่านการเลื่อนมานานปี...) ก็ได้เดินทางมาถึงภาคที่ 9 ในต้นเดือนกรกฎาคม 2009 นี่เอง~~
ก็เลยเกิดความรู้สึก อยากหยิบยกเรื่องราวความประทับใจเก่าๆ เอามาพูดคุย แลกเปลี่ยนความรู้สึกกับเหล่าแฟนเก่า และเล่าเรื่องให้เหล่าแฟนใหม่ พอจะเห็นภาพกับการเดินทางที่แสนยาวนาน ของเหล่าผู้กล้า จอมราชาปีศาจ และฝูงมังกรแห่งโลกแฟนตาซีแห่งนี้...หวังว่าจะถูกใจครับ ^^/
----------------------------------------
Dragon Quest Reminiscence
~ Part I ~


1.
" ลูกหลานแห่งโรโตะเอ๋ย จงฟังคำข้า...
เรื่องเล่าแต่บรรพกาล กล่าวขานกันมาถึงผู้กล้าโรโตะ ที่ใช้ลูกแก้วแห่งแสงสว่างจากพระเจ้า เข้าต่อสู้กับปีศาจร้าย นำความสงบสุขมาสู่ผองเรา...
ทว่า ถึงตอนนี้ ราชามังกรได้ปรากฎกายขึ้น และช่วงชิงลูกแก้วแห่งแสงสว่างไป...ความมืดก็ได้บดบังผืนดิน ผู้คนเดือดร้อนกันทุกหย่อมหญ้า...
เอาล่ะ !! เจ้าจงช่วยเหลือพวกเรา ออกเดินทางเพื่อกำจัดมารร้าย ชิงลูกแก้วแห่งแสง และนำสันติสุขกลับคืนมาเถิด !! "
.
*: Intro
...ข้อความดังกล่าว เป็นประโยคเปิดเรื่องของดรากอน เควสต์ ภาคแรก ที่วางจำหน่ายที่ประเทศญี่ปุ่นเมื่อพฤษภาคม ปี 1986 และเป็นจุดเริ่มต้นของตำนานการตามล่ามังกร อีกมากมายหลายบท ตลอดสองทศวรรษหลังจากนั้น
ในยุคบุกเบิกของเครื่องคอนโซล เกมส์แนว 2 มิติตะลุยด้านข้าง (ดังเช่น Mario / Rockman /Adventure island ) กำลังครองตลาดของวงการเกมส์อยู่ เกมส์ส่วนมาก จะมีรูปแบบการเล่นที่เข้าใจง่ายพอ ที่ผู้เล่นจะใช้เวลาในการศึกษาไม่นานนัก ก็สามารถเข้าใจภาพรวมของเกมส์ได้จนปรุโปร่ง
ทว่า สำหรับเกมส์ RPG ( Role Playing Game) หรือที่เรียกติดปากว่า'เกมส์ภาษา'แล้ว จะพยายามสร้างความรู้สึกว่า ตัวผู้เล่นเอง ได้ "สวมบทบาท" เป็นตัวละครนั้นๆ ออกเดินทางในโลกกว้างจริงๆ...บ่อยครั้ง ที่การเดินทางเริ่มต้นด้วยเป้าหมายหลักหลวมๆที่ดูเลื่อนลอย และเหมือนถูกจับโยนเข้ามาท่ามกลางวิกฤติการณ์ และไม่มีคำแนะนำอื่นใดอีก
หัวใจสำคัญอันดับแรก ที่ตัวผู้กล้า(และตัวผู้เล่น)ต้องเรียนรู้ คือการออกหาข้อมูล และพูดคุยกับผู้คนตามสถานที่ต่างๆ เพื่อรับฟังข้อมูลสำคัญ ที่จะแฝงตัวอยู่ในรูปแบบของ"เศษเสี้ยว"บทสนทนาสั้นๆ เป็นท่อนๆ ที่ผู้พูด พร้อมจะพูดซ้ำๆให้ฟังได้ไม่รู้เบื่อ
"ท่านต้องหมั่นต่อสู้กับศัตรูตามรายทาง เพื่อเก็บสั่งสมประสบการณ์นะ"
"หากเหนื่อยล้าจากการต่อสู้ ก็กลับเข้าเมือง และแวะไปพักผ่อนที่โรงแรมซะสิ"
"หากเก็บสะสมเงินได้มากพอ อย่าลืมเปลี่ยนไปซื้ออาวุธที่ดีกว่าเดิมล่ะ"
"ถ้าต้องการจะพักการเดินทางไว้ชั่วคราว ก็กลับไปคุยกับพระราชาก่อนสิ"
ฯลฯ
-------------- 
*: System
ระบบพื้นฐานหลายๆอย่าง เป็นประเด็นที่น่าขำ ไม่ว่าจะเป็นพูดจาซ้ำไปซ้ำมาของตัวละคร การมีกรอบวินโดว์ขึ้นมาอธิบายการกระทำของตัวละคร (*: ผู้กล้าถูกโจมตีอย่างแรง ผู้กล้าตะลึงงัน !) การมุดเข้าบ้านคนอื่นหน้าตาเฉย เปิดตู้ คุ้ยไห ค้นหีบของชาวบ้าน ขโมยของไปเป็นสมบัติส่วนตัว การต้องคอยกลับมาคุยกับพระราชาลาดาตอม ซึ่งเป็นที่เซฟเกมส์เพียงแห่งเดียว (สร้างความลำบากในการเดินทางอย่างมาก !) ฯลฯ
...แต่ทั้งหลายเหล่านั้น ก็ล้วนเป็นที่จดจำ กลายมาเป็น "เอกลักษณ์" ของซีรีย์เรื่อยมา ใครเห็นก็ต้องนึกออก และยังถูกล้อเลียนในการ์ตูน และสื่อต่างๆมากมาย
---------------
 
 กูรุ กูรุ คาถาพาต๊อง (ลิขสิทธิ์ไทย สนพ.วิบูลย์กิจ ทั้งชุด 16 เล่มจบ) การ์ตูนแฟนตาซี คอมเมดี้ ที่จับเอาเอกลักษณ์ในเกมส์ RPG มายำใหญ่ ล้อเลียนได้อย่างไม่มีแก่นสาร และฮาสะบัด
---------------
และเมื่อเริ่มเข้าใจภาพรวมของระบบเกมส์ได้แล้ว ผู้เล่นก็จะเริ่มค้นหาข้อมูลที่เกี่ยวเนื่องกับท้องเรื่อง เพื่อจะได้ตั้งหลัก กำหนดเป้าหมายตัวเองได้ชัดเจนขึ้นว่า นอกจากคำสั่งที่จู่ๆก็ยัดเยียดให้เราในวินาทีแรกของเกมส์ว่า "จงไปปราบราชามังกร" และ "กอบกู้โลกซะ" นั้น ควรจะต้องทำอย่างไร
ราวกับเป็นการประชดประชันสิ้นดี ที่ปราสาทราชามังกร ปลายทางสุดท้ายนั้น ตั้งตระหง่านอยู่อีกฟากของทะเล ไม่ไกลจากปราสาทลาดาตอม จุดเริ่มต้นของการเดินทางเลยซักนิด...หากแต่ว่า ตัวผู้กล้าไม่สามารถที่จะข้ามผืนทะเลไปได้โดยง่าย...ไม่ต้องนับว่า นี่เป็นดรากอน เควสภาคแรกของซีรีย์ ที่ไม่ได้มี"พาหนะ" เพิ่มเติมอะไรให้กับผู้กล้าของเราแม้แต่อย่างเดียว !
...ดังนั้น ตลอดทั้งเกมส์ ตัวเราต้องได้แต่เดินเท้า เทียวไปเทียวกลับปราสาทลาดาตอมนับครั้งไม่ถ้วน และชายตาละห้อย มองปราสาทราชามังกรที่เห็นตั้งแต่ห้านาทีแรกของเกมส์ ทั้งๆที่ทำอะไรไม่ได้...หากเงี่ยหูฟังซักนิด อาจได้ยินเสียงผู้กล้าบ่นอุบอิบว่า " นอนคอยไปก่อนเถอะนะ ราชามังกร..." ก็เป็นได้
2.
ลูกหลานแห่งโรโตะ หรือผู้กล้าของพวกเรานั้น เริ่มออกเดินทางจากปราสาทลาดาตอม และไล่ตามปูมบันทึกของบรรพบุรุษ จนได้ไปพบกับแผ่นศิลา คำสั่งเสียจากผู้กล้าโรโตะ ถึงลูกหลานตัวเองว่า ในสมัยที่ตัวเขาได้ต่อสู้กับราชาปีศาจนั้น ได้รวบรวมไอเทมพิเศษทั้งสามชิ้น เพื่อสร้าง "เส้นทาง" ไปสู่ปราสาทแห่งเกาะมังกรได้ในที่สุด...หลังจากนั้นแล้ว เขาได้แยกไอเทมทั้งสาม กระจายฝากไปยังผู้พิทักษ์ที่ไว้ใจได้ทั้งสามคน และเชื่อว่า ลูกหลานของคนเหล่านั้น จะต้องส่งมอบไอเทมนั้น จากรุ่นสู่รุ่น เพื่อรอวันที่ผู้กล้าในยุคสมัยหนึ่ง จะเรียกใช้มันอีกครั้ง...
หลังจากได้ฟังสปอยล์เนื้อหาเกมส์จากท่านบรรพบุรุษแล้ว เป้าหมายจึงชัดเจนขึ้น...ครับ เนื้อหาหลักของดรากอน เควสต์ ภาคแรกนี้ จึงโฟกัสอยู่ที่การไล่ตามหาไอเทมในตำนานทั้งสามชิ้น ที่แสนจะคุ้นหูแฟนๆซีรีย์...อันได้แก่"สัญลักษณ์แห่งโรโตะ" "ไม้เท้าเมฆฝน" และ "หินแสงอาทิตย์" นั่นเอง
*: Adventure
ทว่า การเดินทางปราบราชามังกรนี้ ใช่ว่าจะราบรื่นตลอดศก เดินเปรี้ยวมากไป ข้ามสะพานไปยังทวีปใหม่ ก็อาจโดนศัตรูเก่งๆตบดับได้ง่ายๆ...เพราะจุดเด่นสำคัญของดรากอนเควสต์หลายยุคหลายสมัยนั้น คือการขึ้นชื่อในเรื่อง"ความถึก" ที่ผู้เล่นต้องเดินวนไปวนมาเป็นชั่วโมงๆ เพื่อ "เก็บเลเวล" พัฒนาความสามารถของตัวละคร...ตามแนวคิดที่ว่า ตัวเราออกเดินทางสู่โลกกว้าง ควรจะได้มีพัฒนาการสมจริง ที่จะเติบโต และปราบเหล่าศัตรูได้ง่ายดายขึ้น
การคิดแต้ม "ประสบการณ์" มาสะสมไว้จนถึงจุดหนึ่ง เพื่อให้เราพัฒนาขึ้นเป็นระยะๆ มีพลังโจมตี พลังป้องกันที่สูงขึ้น หรือกระทั่งเรียนรู้เวทย์มนตร์ ทักษะใหม่ๆ จึงเป็นหัวใจสำคัญอีกข้อ ที่เกมส์ภาษาทั้งหลายใช้มาจนถึงปัจจุบัน
...เช่นเดียวกับการต่อสู้ของเหล่าโกลเซนต์ ที่ต้องเป็นหนึ่งต่อหนึ่งเสมอ...ดรากอนเควสหนึ่งเอง ก็ไม่ต่างกัน เพราะนี่เป็นภาคปูพรม ที่ต้องการวางรากระบบพื้นฐานของเกมส์ภาษา (ที่เคยซับซ้อนเกินไปสำหรับคนตะวันออก) ให้คุ้นเคยเหมือนกับที่คนตะวันตกเล่นกันมานานปี...ภาคแรกของซีรีย์นี้ จึงจะเป็นการต่อสู้แบบเรียบง่าย ของผู้กล้าหนึ่งคน กับศัตรูหนึ่งตัวเสมอ
....เมื่อเราเดินในฉากสนาม อันได้แก่ ทุ่งหญ้า ป่า บึงพิษ ทะเลทราย ถ้ำ และอื่นๆ เราก็จะมีโอกาส " Encounter"แรนด้อมเจอศัตรูขึ้นมาได้ทุกเมื่อ เช่น สไลม์เด้งดึ๋งสีฟ้า พ่อมดในผ้าคลุม โกลแมนด์อิฐยักษ์ที่ทำด้วยทอง ซอมบี้ฮอร์คจอมอ๊วก โดรากี้ค้างคาวสีดำ และอื่นๆอีกมาก ซึ่งหลายตัวก็กลายเป็นเทรดมาร์คสำคัญของซีรีย์ ที่ยังคงปรากฎโฉมมาอย่างสม่ำเสมอ หรือกระทั่งมีสินค้า การ์ตูน และเกมส์เป็นของตัวเองด้วยซ้ำ !
 
3.
ปริศนาที่โยงกันเป็นลูกโซ่ก็ดำเนินต่อไป...ผู้กล้าของเรา เดินทางฝ่าฟันทั่วดินแดนแห่งอเลฟการ์ด ค้นหาพิณสีเงินที่ถูกนำไปซ่อน เพื่อไปแลกขลุ่ยนางฟ้า และใช้มันในการเป่าสะกดโกเลมยักษ์ใหญ๋หน้าเมืองให้หลับลง และเดินทางต่อ เพื่อค้นหาที่ซื้อกุญแจเวทย์มนต์ สินค้าชิ้นสำคัญ ที่สามารถกลับไปเปิดประตูลับมากมาย ที่เราเดินผ่านมาตลอดเกมส์ได้ในที่สุด...เราสามารถตระเวนเก็บข้าวของดีๆ ช่วยเหลือเจ้าหญิงลอร่าแห่งลาดาตอมที่ถูกคุมขัง หรือกระทั่ง ค้นพบหินแสงอาทิตย์ หนึ่งในไอเทมสำคัญ ที่อยู่ในห้องลับปราสาทลาดาตอม ใต้จมูกของเรานั่นเอง !!
หลังจากการเดินทางอันแสนยากเย็น ผู้กล้าของเราก็สามารถรวบรวมไอเทมทั้งสามชิ้นได้จนครบ และเดินทางไปพบกับนักปราชญ์แห่งวิหารศักดิ์สิทธิ์ ที่จะยอมรับตัวเราในฐานะลูกหลานแห่งผู้กล้า ผู้ครอบครองตราสัญลักษณ์แห่งโรโตะ และกล่าวย้ำตำนานเล่าขาน
"เมื่อสายฝนและแสงแดดสอดประสานกัน สายรุ้งจักบังเกิด เปิดเส้นทางพิชิตจอมมาร"
...พลังแห่งไม้เท้าเมฆฝน และหินแสงอาทิตย์ของเรา ก่อกำเนิดเป็น "ลูกแก้วสายรุ้ง" ในที่สุด !!! ไอเดียโรแมนติคซะไม่มี !!
 
ผู้กล้าได้ตามรอยเท้าบรรพชน เดินทางไปยังแหลมเบื้องหน้าเกาะมังกร และเรียกใช้ลูกแก้วสายรุ้ง เกิดเป็นสะพานสายรุ้ง ทอดไปยังปราสาทราชามังกร...และก่อนหน้าศึกครั้งสุดท้าย ผู้กล้าของเรา ก็ไม่ลืมที่จะได้รับคำอวยพรจากเจ้าหญิง คำอวยชัยจากพระราชา พร้อมทั้งตามหาเซตอุปกรณ์โรโตะในตำนาน อันได้แก่ ดาบโรโตะที่ตัดได้แม้กระทั่งเกล็ดมังกร และเกราะโรโตะที่ป้องกันเปลวไฟที่ร้อนแรงที่สุด...เมื่อทุกอย่างพร้อมสรรพ ก็ถึงเวลาเผชิญหน้ากับราชามังกร ผู้นำดินแดนอเลฟการ์ดเข้าสู่กลียุค !!
ราชามังกร ถูกใจความสามารถของผู้กล้าอย่างมาก ได้ตัดสินใจยื่นข้อเสนอที่ยิ่งใหญ่ และสมเกียรติที่สุด ให้กับผู้กล้าแห่งโรโตะเช่นเรา...จนเกิดเป็นวรรคทองอมตะ คำพูดสำคัญประจำซีรีย์ที่ว่า...
"หากเจ้ายอมมาเป็นพวกข้า ข้าจะยกโลกให้เจ้าครึ่งหนึ่ง ตกลงไหม?"
----------------
*: Cross over
ในการ์ตูนดรากอน เควสต์ ภาค ไดตะลุยแดนเวทย์มนตร์ (ลิขสิทธิ์ไทย ของสำนักพิมพ์ SIC ทั้งชุด 34 เล่มจบ) ที่แตกยอดคาแรกเตอร์ดีไซน์ของดรากอนเควสไปจนไม่เหลือเค้าเดิม(และได้ดิบได้ดีเสียด้วย)นั้น...เมื่อเนื้อหาเข้าสู่ช่วงก่อนไคลแมกซ์ ก็ได้มีการหยิบยกวรรคทองนี้มาใช้ และได้รับกระแสตอบรับที่ฮือฮาในหมู่แฟนๆ ซึ่งผมเองก็คิดว่า เป็นไอเดียบรรเจิด ที่อ่านกี่ทีก็ยังเรียกรอยยิ้มได้...กับคำเชิญชวนคุ้นหูของจอมราชาปีศาจเวิร์นผู้นี้
 
4.
ในเกมส์ดรากอนเควสนี้ หากเลือกตอบ "Yes" ไป เกมส์ก็จะจบลงตรงนั้น แต่ในฐานะผู้กล้า ย่อมต้องตอบ "No" เป็นสัญญาณเริ่มการต่อสู้อย่างหลีกเลี่ยงไมได้ !! และใช้เวลาไม่นานนัก ราชามังกรก็ถูกกำจัดในที่สุด !...ทว่า เจ้าแห่งปีศาจ ไม่ได้เป็นชื่อที่ตั้งไว้โก้ๆ...ราชามังกร แปลงร่างเป็นมังกรตัวใหญ่ยักษ์ เข้าฟาดฟันกับผู้กล้าอีกครั้ง !
เมื่อมังกรยักษ์สิ้นลม ลูกแก้วแห่งแสงก็ร่วงหล่นลงมา...เป็นธรรมเนียมประจำซีรีย์ ที่จะไม่มีการตัดเข้าสู่ฉากจบ ให้คนเล่นพักผ่อนสบายๆหลังปราบบอสใหญ่โดยทันที ...ผู้กล้าดรากอนเควสของเรา ยังต้องเดินทางนำลูกแก้วแห่งแสง กลับคืนสู่มือของเจ้าของเสียก่อน...คาถาลูร่า จึงเป็นตัวเลือกที่ดี ที่ใช้วาร์ปกลับมายังปราสาทลาดาตอม สถานที่ส่งท้ายภารกิจกอบกู้โลก
เบื้องหน้าพระราชาผู้ยิ่งใหญ่ ผู้กล้าตอบปฎิเสธข้อเสนออีกครั้ง ไม่รับตำแหน่งราชา แต่จะออกเดินทางค้นหาดินแดนที่เหมาะสม ด้วยตัวเองต่อไป
ท่ามกลางเสียงโห่ร้อง แสดงความยินดีจากชาวเมือง เสียงแตรขับขานของเหล่าทหาร ที่อวยชัยการเดินทางครั้งใหม่ของเรา และรอยยิ้มส่งลาของพระราชานั้น ยังไม่ได้ปิดฉากการเดินทางของผู้กล้าของเราอย่างสมบูรณ์...เจ้าหญิงลอร่า วิ่งตามผู้กล้าของเรา และเสนอตัว ขอร่วมการเดินทางของผู้กล้าไปอีกคน
การผจญภัยครั้งใหม่ ของผู้กล้าแห่งโรโตะ...ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว...
~ Dragon Quest I ~
~ Fin ~


*: Misc
- ดรากอน เควส ภาคแรกนี้ สร้างประวัติการณ์ที่น่าจดจำ ในวงการเกมส์ของญี่ปุ่น ด้วยการเรียกความสนใจของผู้เล่นญี่ปุ่น ให้รู้จักกับสิ่งที่เรียกว่า "เกมส์ภาษา"...เป็นการวางรากฐานสำคัญ สำหรับภาคต่อ และเกมส์ RPG หัวอื่นๆที่ออกตามมา ก่อนที่จะทำยอดขายเบ็ดเสร็จไปถึง หนึ่งล้านห้าแสนตลับ
- เสน่ห์สำคัญที่ทำให้ดรากอน เควสต์ ติดตลาด และประสบความสำเร็จในมุมมองของคนญี่ปุ่นมีหลายข้อ อาจกล่าวว่า สิ่งสำคัญอยู่ที่ "บรรยากาศ" แฟนตาซีที่มีเอกลักษณ์ สะท้อนการผจญภัยในโลกกว้าง การต่อสู้กับศัตรูในถ้ำลึก การพูดคุยกับชาวเมือง การตามรอยเรื่องเล่าแต่หนหลัง และเหตุการณ์เพ้อฝันเหนือจินตนาการอีกมากที่ทำให้คนเล่นรู้สึกคุ้นเคยอยู่เสมอ จนแทบจะฝังรากลึกไปกับวัฒนธรรมคนญี่ปุ่น...ชนิดที่ว่า เหล่าพ่อบ้านแม่บ้านที่ไม่ได้เล่นเกมส์ ก็สามารถที่จะฮัมเพลงเปิด Overture ของเกมส์ได้ไม่ยากเย็นนัก
- แต่เนื่องด้วยรากเหง้า รสนิยม และจริตที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ทำให้ดรากอน เควสไม่เคยสร้างยอดขายที่น่าพอใจนัก ในตลาดของคนตะวันตก...หากเทียบกับซีรีย์ไฟนอล แฟนตาซี ที่มีความหวือหวา ฟู่ฟ่า กระชับ และเป็นสากลมากกว่าแล้ว...เสน่ห์ยุคกลาง ความละเอียดอ่อน นุ่มลึก และจังหวะจะโคนที่ออกไปในแนวเนิบนาบของดรากอน เควส จึงไม่ได้เป็นที่ถูกใจคนต่างถิ่นเอาเสียเลย
- อย่างไรก็แล้วแต่ แม้จะช้าไปถึง 4 ปี ดรากอนเควสก็ไปบุกเบิกตลาดตะวันตก ภายใต้ชื่อ "Dragon Warrior" และสร้างชื่อได้ในระดับหนึ่ง พร้อมกับการปรับเปลี่ยนสิ่งต่างๆให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย ตั้งแต่แพคเกจ (ที่ไม่ปลื้มลายเส้นการ์ตูนที่ดูเด็ก หันมาใช้แนวแฟนตาซีโบราณแทน) ฉากเปิดเรื่อง (ที่ตัดรูปมังกรทิ้งไป และมีกราฟฟิคเป็นของตัวเอง) บทสนทนา (ที่ละเอียดมากขึ้น และใช้ภาษายุคกลางไม่คุ้นหู) กราฟฟิคผู้กล้า (ที่เคยเป็นภาพหน้าตรงนิ่งๆ ก็สามารถหันซ้ายหันขวาได้) และประชาชนในเมือง เป็นต้น
 
- การเปลี่ยนแปลงในทางที่ดี คือรูปแบบการเซฟ ที่เคยต้องกลับมาหาพระราชา ขอพาสเวิร์ด เป็น text 30 ตัวในภาคญี่ปุ่น ที่สร้างความลำบากและหวาดเสียวให้กับผู้เล่นเป็นอย่างมาก หากจดมาพลาดไปซักตัว ก็กลับเล่นใหม่ไม่ได้ แทบจะปาจอยทิ้งกันเลยทีเดียว...เคราะห์ดี ที่กว่าเวอร์ชันอเมริกาจะออกจำหน่าย ..."ถ่านเซฟ" ในตลับแฟมิคอม ก็ถูกนำมาใช้เป็นที่เรียบร้อย
- ฝ่าย Localization ของบริษัท พยายามอย่างมาก ที่จะปรับปรุงองค์ประกอบ และคำพูดต่างๆให้เข้ากับวัฒนธรรมตะวันตก...แต่สิ่งที่ออกมา ดูจะได้รับคำก่นด่าจากแฟนๆอยู่ไม่น้อย อาทิ การเปลี่ยนชื่อ"คาถา" ที่คุ้นหู และเป็นเอกลักษณ์สำคัญของซีรีย์ อย่างคาถาฟื้นฟูโฮมี่/เบโฮมี่ คาถาไฟกีร่า/เบกีราม่า คาถาเดินทางลูร่า คาถากล่อมนิทราลาลิโฮ ก็ถูกแปลงอย่างไร้รสนิยมว่า Heal/Healmore Hurt/Hurtmore Return และ Sleep ตามลำดับ
- แม้แต่ชื่อเฉพาะที่เป็นเทรดมาร์ค ก็แทบไม่เหลือเค้าเดิม ผู้กล้าโรโตะของเรา ก็เปลี่ยนสัญชาติ กลายเป็น Hero Erdrick ปราสาทลาดาตอม ก็กลายเป็น Tantegel Castle หรือกระทั่งปราสาทราชามังกร ก็ยังได้ชื่อยุโรปจ๋าว่า Charlock ...และเชื่อผมเถอะครับ เพื่อนๆต้องไม่อยากรู้ชื่ออื่นๆที่ถูกแปลงอย่างแน่นอน
- ที่ขาดไม่ได้ คือพาโรดี้ชิ้นสำคัญ จากเกมส์ของบริษัทคู่แข่งในสมัยนั้น ไฟนอล แฟนตาซี...ที่แอบจับชื่อพระเอกของเรา ไปไว้ในหลุมศพอย่างหน้าตาเฉย !!
 
(แต่ในรีเมครุ่นหลังๆ ที่แบรนด์ โรโตะ เริ่มแพร่หลายในตะวันตกอย่างถูกต้อง มุขดั้งเดิมนี้จึงถูกตกไป กลายเป็นหลุมศพของนาย Link ...พระเอกซีรีย์เพื่อนบ้าน The Legend of Zelda นั่นเอง...รับเคราะห์ไปซะนะ
----------------
ก่อนจะปิดฉากบทความตอนแรกที่แสนยาวนี้ ตัวผมเองก็ยังไม่ลืมที่จะทิ้งท้ายกันไป ด้วยข้อสรุปของบทสนทนาระหว่างผู้กล้าได กับจอมราชาปีศาจเวิร์น...
หลังจากถูกไซโคอย่างเหนือชั้นอยู่พักใหญ่...ผู้กล้าไดของเรา ก็ใช้เวลาคิดอยู่หลายตลบ ก่อนที่จะตอบกลับไปอย่างมุ่งมั่น ตามสไตล์เคว๊ส-เควส ชัดถ้อยชัดคำ ประทับใจแฟนๆว่า...
 
ต้องอย่างนี้สิ ! ท่านผุ้กล้า ! \^w^/
....
....
ตอนหน้าพบกับ...เรื่องราวสืบเนื่อง 100 ปีให้หลัง...ทิศทางของสายเลือดแห่งโรโตะ และหายนะครั้งใหม่ที่กำลังมาเยือนดินแดนอเลฟการ์ด ใน ดรากอน เควสต์ 2 ครับผม
แล้วพบกันใหม่
แท่ด แท่ด แท่ด

0 Response to "[GBC]บทสรุป Dragon Quest I"

แสดงความคิดเห็น

powered by Blogger | WordPress by Newwpthemes | Converted by BloggerTheme